วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

ศิลปะกับคอมพิวเตอร์

                                         ศิลปะกับคอมพิวเตอร์

ศิลปะกับคอมพิวเตอร์
      Computer Art หมายถึง งานศิลปะอันเกิดจากการผลิตของเครื่องคอมพิวเตอร์ใน ค.ศ.1935 อลัน  ทูริ่ง  ได้สร้างจักรกลการคำนวณขึ้นเรียกว่า  ทูริ่ง  แมชชีน  ซึ่งมุ่งเน้นการคำนวณต่อมาทูริ่งได้พัฒนามาเป็นคอมพิวเตอร์  เรียกว่า ACE Automatic  Computing  Engine ) ในยุคแรกคอมพิวเตอร์เริ่มใช้หลอดสุญญากาศแทนวงจรในการคำนวณ  ต่อมาในทศวรรษที่ 1950  ได้มีการสร้างทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเล็กแทนหลอดสุญญากาศ  ซึ่งคอมพิวเตอร์ในยุคนั้นมีขนาดเล็กการทำงานองคอมพิวเตอร์จึงมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์ทางด้านคณิตศาสตร์  ด้านวิทยาศาสตร์  ด้านการแพทย์  ด้านการทหาร  ในด้านศิลปะได้ปรากฏแก่สายตาครั้งแรกในการเปิดตัวของงานนิทรรศการคอมพิวเตอร์กราฟิก  ต่อมา  มิเชล  นอล  ได้ผลิตศิลปะคอมพิวเตอร์ขึ้นได้ร่วมการแสดงศิลปะคอมพิวเตอร์ในนครนิวยอร์ก  งานของเขาได้แสดงรูปโค้งที่ซ้ำๆ กันซึ่งงานของมีลักษณะคล้ายกับงาน OP ARE หรือการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ต่อเนื่องกันซึ่งคอมพิวเตอร์มีบทบาทในทุก ๆ วงการของสังคม

: เรื่องที่จะศึกษา
1.       ศิลปะกับคอมพิวเตอร์
2.       ภาพศิลปะจากคอมพิวเตอร์
3.       การออกแบบกราฟิก
4.       ระบบคอมพิวเตอร์กับการออกแบบงานกราฟิก
5.       องค์ประกอบในการออกแบบงานกราฟิกและสื่อ
6.       งานกราฟิกกับคอมพิวเตอร์
7.       ประเภทของงานออกแบบกราฟิกและสื่อ
: สมรรถนะประจำหน่วย
1.        จัดพื้นที่ จุดสนใจของภาพและการเน้น  จัดวางตำแหน่งภาพ  และจัดวางภาพชนิดต่างๆ  ตามหลักการขององค์ประกอบศิลป์
: จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
1.       อธิบายศิลปะกับคอมพิวเตอร์ได้
2.       วิเคราะห์ภาพศิลปะจากคอมพิวเตอร์ได้
3.       อธิบายความหมายการออกแบบกราฟิกได้
4.       แยกแยะระบบคอมพิวเตอร์กับการออกแบบงานกราฟิกได้
5.       บอกองค์ประกอบในการออกแบบงานกราฟิกและสื่อได้
6.       สร้างงานกราฟิกจากคอมพิวเตอร์ได้
7.       แยกแยะประเภทของงานออกแบบกราฟิกและสื่อได้

คอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการเบื้องต้น

คอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการเบื้องต้น

องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
            องค์ประกอบคอมพิวเตอร์ คืออุปรณ์คอมพิวเตอร์ที่นำมาประกอบกันแล้วจะได้คอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์ 1 เครื่อง ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญหลานส่วนดังนี้

1.กล่องซีพียู
2.แป้นพิม์
3.เมาส์
4.จอภาพ
5.ลำโพง

1.กล่องซีพียู ( Case )
            เป็นองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ที่สำคัญมากภายในบรรจุแผงเมนบอร์ด แหล่งจ่ายไฟและหน่วยความจำต่างๆ เช่น รอม แรม ฮาร์ดดิส ดิสก์ไดร์ฟและซีดีรอม เป็นต้น ที่เรียกว่า กล่องซีพียูเพราะ ภายในเครื่อง บริเวณแผงเมนบอร์ดเป็นที่ติดตั้งซีพียู ( CPU ) ซึ่งถือว่าเป็นมันสอมงของเครื่องคอมพิวเตอร์
2.แป้นพิมพ์ ( Keyboard )
            คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการพิมพ์ข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้หน่วย ประมวลผลข้อมูลกลาง ( CPU ) ทำการประมวล แป้นพิมพ์จัดเป็นอุปกรณ์ด้านหน่วยป้อนข้อมูล ( Input Unit ) ที่ทำหน้าที่ ในการป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์
3.เมาส์ ( Mouse )
            คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการคลิก ดับเบิลคลิก และเลื่อนตำแหน่งเพื่อสั่งงาน ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ในกรณีที่ไม่สามารถสั่งงานทางแป้นพิมพ์ได้ เมาส์จัดเป็นอุปกรณ์ด้านหน่วยป้อนข้อมูลเช่นเดียวกับแป้นพิมพ์ แต่ใช้งานในลักษณะที่แตกต่างกัน
4.จอภาพ ( Monitor )
            คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลของซีพียู เพื่อทำให้ผู้ใช้มองเห็นผลลัพธ์และสามารถติต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ จอภาพจัดเป็นอุปกรณ์ด้านหน่วยแสดงผล ( Output Unit ) ทำหน้าที่ในการแสดงผลข้อมูล
5.ลำโพง ( Speaker )
            คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณไฟฟ้าเป็นสัญญาณเสียงและแสดง เสียงออกทางลำโพงทำให้ผู้ใช้ได้ยินสัญญาณเสียงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เสียงเพลง และเสียงพูดต่าง ๆ ลำโพงจัดเป็นอุปกรณ์ ด้านหน่วยแสดงผล ( Output Unit ) ทำหน้าที่ในการแสดงผลข้อมูล 

ระบบคอมพิวเตอร์ ( Computer System )

            ระบบคอมพิวเตอร์ ( Computer System ) คือ องค์ประกอบที่จะทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าขาดองค์ประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ ระบบคอมพิวเตอร์นี้ประกอบไปด้วย องค์ประกอบหลักที่สำคัญ 4 ประการคือ

1.ฮาร์ดแวร์ ( Hardware )
            คือ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีวงจรไฟฟ้าอยู่ภายในเป็นส่วนใหญ่ สามารถจับ ต้องได้ เช่น ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวซีพูยู จอภาพ เมาส์ แป้นพิมพ์ ลำโพง สแกนเนอร์ เครื่องพิมพ์ ฯลฯ เป็นต้น 



2.ซอฟต์แวร์ ( Software )
            คือ โปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่จะสั่ง และควบคุมให้ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ทำงาน เราไม่สามารถจับต้องซอฟต์แวร์ ได้โดยตรงเหมือนกับตัวฮาร์แวร์ เพราะซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมนี้จะถูกจัดเก็บอยู่ ในสื่อ ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล เช่น แผ่นดิสก์ ฮาร์ดดิส ซีดีรอม ดีวีดีรอม แฮนดีไร์ฟ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ที่มักติดตั้งไว้ในฮาร์ดดิสก์เพื่อทำงานทันทีที่เปิดเครื่องคือ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ



3.พีเพิลแวร์ ( Peopleware )
            คือ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ พีเพิลแวร์หรือบุคคลากรด้านคอมพิวเตอร์นับว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะบุคคลกรจะเป็นผู้จัดการหรือผู้ดำเนินงานให้ระบบ คอมพิวเตอร์ดำเนินต่อไปได้

รูปที่ 3 : แสดงบุคลากรทางดานคอมพิวเตอร์


4.ข้อมูล ( Data)
            คือ รายละเอียดข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสิ่งของ สถานที่หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่สนใจศึกษา และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ การประมวลผลของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้อยู่ ในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้
ประเภทคอมพิวเตอร์ 

1. แบ่งตามขนาด
2. แบ่งตามลักษณะข้อมูลที่ใช้
3. แบ่งตามวัตถุประสงค์การใช้

            1.แบ่งตามขนาด
            หมายถึง การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ตาวมความสามารถในการทำงานหรือประมวลผล ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ขนาดของหน่วยความจำภายในและหน่วยความจำสำรองภายนอกความสามารถทางด้านการ เชื่อมต่อเครือข่าย จำนวนอุปกรณืที่ต่อพ่วงและอาจรวมถึงลักษณะทางด้านกายภาพ ( Physical ) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย สามารถแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้

1.ไมโครคอมพิวเตอร์ ( Microcomputer)
            หรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ( Personal Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีราคาต่ำที่สุด มีขนาดเล็กที่สุด ไมโครคอมพิวเตอร์ในอดีตมีความเร็วในการทำงานต่ำและมีหน่วยความจำน้อย แต่ในปัจจุบันมีความเร็วในการประมวลผลสูงมาก และมีหน่วยความจำมาก นอกจากนี้นังมีการผลิตเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์แบบกระเป๋าหิ้ว ( Notebook ) และได้มีการนำไปต่อเป็นระบบเครื่อข่ายเพื่อสามารถติดต่อเชื่อมโยงกันได้ง่ยและสะดวกมากขึ้น 

วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

หน่วยที่ 5 การใช้โปรแกรมยูทิลิตี้


            หน่วยที่ 5 การใช้โปรแกรมยูทิลิตี้




โปรแกรมยูทิลิตี้

โปรแกรมยูทิลิตี้ เป็นโปรแกรมที่นำมาใช้งานเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งมีมากมายหลายชนิด และโปรแกรมยูทิลิตี้บางตัวก็จัดเป็นโปรแกรมหนึ่งที่ใช้สำหรับการบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ ในการติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์โปรแกรมยูทิลิตี้ดังกล่าวจะถูกติดตั้งให้โดยอัตโนมัติ หลังจากที่ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ซึ่งก็คือโปรแกรม Scan-disk และโปรแกรม Derangement โดยโปรแกรมยูทิลิตี้ทั้งสองนี้ ถือเป็นโปรแกรมในกลุ่มที่ใช้งานเพื่อบำรุงรักษาคอมพิวเตอร์ นั่นก็ คือ เป็นการบำรุงรักษาด้านซอฟต์แวร์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์

ตัวอย่างโปรเเกรมยูทิลิตี้ที่น่าสนใจ
1.CPU-Z คือโปรแกรมแบบฟรีแวร์ สามารถใช้งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ใช้สำหรับตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของ CPU, main board, RAM, OS และ Direct X  ได้อย่างละเอียด  ประโยชน์ของเจ้าโปรแกรมตัวนี้ เช่น เวลาเราซื้อโน้ตบุ๊กตัวใหม่ เราสามารถเช็คสเปคก่อนออกจากร้านได้ เผื่อสเปคไม่ตรงตามที่เราเข้าใจ บางครั้งพนักงานขายอาจหยิบตัวที่สเปคต่ำกว่ามาให้ เพราะหน้าตาของเจ้าโน้ตบุ๊กเหมือนกัน  ปัจจุบันโปรแกรม CPU-Z มีเวอร์ชั้นล่าสุด คือ CPU-Z 1.59 ซึ่งรองรับ Windows 8
CPU-Z มีความสามารถอะไรบ้าง
– ตรวจสอบว่าเครื่องของเราใช้ CPU ตัวไหนอยู่ มีรายละเอียดอะไรบ้าง โดยจะโชว์รูปไอคอนของ CPU ตัวนั้นให้เราดูด้วย
– ตรวจสอบว่า CPU เรามี Caches L1,L2,L3 เท่าไหร่
– ตรวจสอบว่าเครื่องเราใช้ Mainboard รุ่นอะไร

– เช็คว่าเครื่องเรามี RAM เท่าไหร่ แรมบัสเท่าไหร่ ใส่ได้กี่ตัว
– เช็ครุ่นการ์ดจอที่เราใช้อยู่

2.Memtest86 คือ โปรแกรมที่จะช่วยตรวจสอบ และวินิจฉัยหน่วยความจำ (RAM) เพื่อหาต้นตอของปัญหา และชุบชีวิตใหม่ให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ มีโน๊ตบุ๊คจำนวนมากที่ปัญหาเกิดจากหน่วยความจำแรม (Ram) ซึ่งอาจทำให้เครื่องมีปัญหาบลูสกรีน หรือมีเสียงร้อง ไม่สามารถ Boot เข้า Windows ได้เป็นต้น

Memtest86 คือ เครื่องมือเฉพาะที่มีไว้ตรวจสอบประสิทธิภาพในการทำงานของแรม มันใช้งานได้ดีมาก หากสงสัยว่าปัญหาที่เกิดขึ้น อาจมาจากหน่วยความจำแรมแล้ว Memtest86 สามารถช่วยคุณได้

โดยวิธีดู คือ ถ้าหน่วยความจำไม่มีปัญหา จะไม่เห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดเป็นสีแดง แต่ในทางกลับกันหากมีข้อผิดพลาดจะแสดงข้อความสีแดง

อะไรที่ Memtest86 ทำไม่ได้

น่าเสียดายที่ซอฟต์แวร์ทดสอบหน่วยความจำส่วนใหญ่ไม่สามารถบอกได้ว่า โมดูล RAM แผงไหนที่เสีย ซึ่ง Memtest86 ก็ไม่ได้รับการยกเว้น อย่างไรก็ดี ถ้าพบข้อผิดพลาดที่มากกว่า 1 ข้อ คุณอาจจะลองแก้ปัญหาโดยพิจารณาจากเงื่อนไข และขั้นตอนต่อไปนี้ดูนะครับ
• พีซีที่โอเวอร์คล็อก อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การทำงานของหน่วยความจำผิดพลาดได้
ถ้าเครื่องของคุณโอเวอร์คล็อกอยู่ในขณะนั้น คุณอาจจำเป็นต้องคืนความเร็วเดิมให้กับซีพียู จากนั้นสั่งรันโปรแกรม Memtest86 ซ้ำอีกครั้ง
• วิธีตรวจสอบแผงหน่วยความจำที่เสียหาย
1. ถ้าคุณมีหน่วยความจำอยู่แผงเดียวในเครื่องของคุณ ให้เปลี่ยนหน่วยความจำแผงใหม่เข้าไป แล้วทดลองรันโปรแกรม Memtest86 อีกครั้ง
2. กรณีที่มี RAM หลายแผงให้ถอดออกให้หมดจนเหลือแค่แผงเดียว สั่งรัน Memtest86 ตรวจสอบทีละแผงจนกว่าจะพบแผงหน่วยความจำที่มีข้อผิดพลาด

เมื่อคุณพบ RAM ที่เสียหาย ก็ถอดมันออกไป เพื่อเปลี่ยนแผงใหม่ที่ดีเข้าไปแทน เพียงแค่นี้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณก็น่าจะกลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิม

หน่วยที่ 4 การเลือกใช้และติดตั้งระบบปฏิบัติการ

       หน่วยที่ 4 การเลือกใช้และติดตั้งระบบปฏิบัติการ



1. ระบบปฏิบัติการแบบเปิด (Portable operating system)
  เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายประเภท ไม่ยึดติดกับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใด เช่น ระบบปฏิบัติการ Unix, Linux, Ubuntu

2. ระบบปฏิบัติการแบบปิด (Proprietary Operating System)
   ในสมัยก่อนผู้ที่พัฒนาระบบปฏิบัติการคือบริษัทที่ผลิตคอมพิวเตอร์ดังนั้นระบบปฏิบัติการจึงถูกออกแบบ ให้สามารถใช้ได้เฉพาะกับเครื่องของบริษัทเท่านั้น เรียกระบบปฏิบัติการประเภทนี้ว่า ระบบปฏิบัติการแบบปิด (Proprietary operating system) ซึ่งแม้แต่ในปัจจุบันนี้เครื่องระดับเมนเฟรมผู้ขายก็ยังคงเป็นผู้กำหนดความสามารถของระบบปฏิบัติการของเครื่องที่ขายอยู่ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้เริ่มมีแนวโน้มที่จะทำให้ระบบการสามารถนำไปใช้งานบนเครื่องต่าง ๆ กันได้ (Portable operating system) เช่น ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX) เป็นต้น

3. การ Log on เพื่อเข้าใช้งาน
เมื่อเราเปิดเครื่องขึ้นมาและวินโดว์เริ่มทำงานแล้วเรียกว่าการบู๊ต ก่อนที่เราจะเข้าไปใช้งานวินโดวส์ นั้นจะต้องมีการ  Log  on  โดยอาจจะมีรหัสผ่านที่เราตั้งเอาไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ที่รู้รหัสผ่านเท่านั้นสามารถเข้าไปใช้งานวินโดวส์ได้และยังเป็นการป้องกัน ข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญไม่ให้เกิดความเสียหายเราจึงควรรู้ขั้นตอนการ  Log  on  เพื่อเข้าใช้งาน ซึ่งมีวิธีตามขั้นตอนดังนี้



วิดีโอ YouTube

4. หน้าที่ของ Windows 7
1. หน้าที่หลักของโปรแกรมนี้ ก็คือ การทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นคอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกันไดั เป็นระบบปฏิบัติการหลัก ของคอมพิวเตอร์ ไม่มีโปรแกรมประเภทนี้คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้ ซึ่งโปรแกรมประเภทเดียวกันนี้ มีหลายตัว จากหลายบริษัท เช่น Linux, Mac OS แต่ Windows ได้รับ ความนิยมสูงสุด จากผู้คนทั่วโลก
2. จัดการกับไฟล์ในเครื่อง ในแฟลชไดรว์ ลบย้ายก็อปปี้ เปลี่ยนชื่อไฟล์ ฯลฯ
3. เขียนข้อมูล ลงแผ่นซีดี อาจจะเป็นเพลง ภาพ หรือข้อมูลไฟล์เอกสารทั่วๆ ไป
4. ตัดต่อวิดีโอในระดับพื้นฐาน ด้วยการนำภาพวิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล กล้องวิดีโอมาตัดต่อใหม่ได้
5. ดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ต บันทึกข้อมูล ดาวน์โหลดข้อมูล ได้
6. การติดตั้งโปรแกรมใดๆ เพิ่มเติมบน Windows 7 หรือลบโปรแกรมใดๆ ออกไป เป็นหน้าที่โดยตรงของโปรแกรมนี้
7. การปรับแต่งหน้าตา ธีม ของหน้าจอโปรแกรม จะเป็นหน้าจอ Windows 7 เอง หรือหน้าจอโปรแกรมอื่นๆ ส่วนประกอบหลักของหน้าจอ ต้องปรับแต่งที่ตัว Windows 7
8. การสร้างระบบเครือข่ายหรือสร้างเน็ตเวิร์ค การสร้างการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
9. ระบบความปลอดภัย การป้องกันเครื่องจากการบุกรุกทางอินเตอร์เน็ตหรือเครือข่ายเน็ตเวิร์ค
10. เล่นเกมมีเกมมาให้ทั้งเกมสำหรับผู้ใหญ่และเด็กๆ
11. ดูหนัง ฟังเพลง ชมรายการทีวี บันทึกรายการทีวี จัดการกับรูปภาพ แสดงไสลด์

หน่วยที่ 3 ระบบปฏิบัติการ

        หน่วยที่ 3 ระบบปฏิบัติการ


1. ทําความรู้จักกับระบบปฏิบัติการ ระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นซอฟต์แวร์ระบบ ที่ทําหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยประสานการ ทํางานระหว่างซอฟต์แวร์ประยุกต์กับฮาร์ดแวร์ที่อยู่บนเครื่อง ดังภาพที่ 3.1 รูปภาพที่ 3.1 การทํางานของระบบปฏิบัติการ ในปัจจุบันระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้ได้แก่ Windows XP, Windows Vista, Window 7, Mac OSx, และ Linux ซึ่งกลุ่มของผู้ใช้งานในแต่ละระบบปฏิบัติการก็มีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์หลักในการใช้งาน ความพึงพอใจส่วนตัว หรือความนิยม เป็นต้น 2. หน้าที่ของระบบปฏิบัติการ

 2.1 ช่วยจัดการกับทรัพยากรคอมพิวเตอร์: ระบบปฏิบัติการจะช่วยจัดการประสานการทํางานของอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ที่อยู่บนเครื่องให้สามารถทํางานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จัดลําดับการทํางาน ตรวจสอบความ ปลอดภัยของคอมพิวเตอร์เริ่มต้นทํางานในระบบคอมพิวเตอร์เป็นต้น 


2.2ช่วยติดต่อกับผู้ใช้งาน: ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถสั่งการคอมพิวเตอร์โดยผ่าน “ส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface” หรือที่ผู้ใช้เห็นในหน้าจอเป็นส่วนของกราฟิก ภาพ ไอคอน หรือข้อความ ที่เรียกว่า GUI (Graphic User Interface) 


2.3 ช่วยจัดการการทํางานของซอฟต์แวร์ประยุกต์: ระบบปฏิบัติการจะช่วยโหลดการทํางานของโปรแกรม ต่างๆขึ้นมา เช่น เมื่อผู้ใช้ต้องการเปิดทั้งโปรแกรม Word และโปรแกรม Excel ระบบปฏิบัติการจะเรียกโปรแกรม นั้นขึ้นมา และจัดสรรการทํางานของซอฟต์แวร์ ให้สามารถสลับกันทํางานได้ โดยที่ผู้ใช้งานจะไม่รู้สึกว่าการทํางาน มีการสะดุด เนื่องจากระบบปฏิบัติการมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “Multi-tasking” (มัลติ-ทาสกิ้ง) เป็นความ สามารถของระบบปฏิบัติการที่ทําให้คอมพิวเตอร์ทํางานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ระบบปฏิบัติการ ยังมีอีกหนึ่งคุณสมบัติเด่นที่เรียกว่า “Multi-Users” (มัลติ-ยูสเซอร์) คือให้ผู้ใช้มากกว่าหนึ่งคนเข้าทํางานได้ พร้อมๆ กัน (สามารถ login พร้อมกันหลายคนได้) เอกสารประกอบการเรียนการสอน คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย การจัดการธุรกิจด้วยคอมพิวเตอร์ อ.ชรินทร์ญา กล้าแข็ง (aj.charinya@gmail.com) 

3. ประเภทของระบบปฏิบัติการ 

3.1 ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand-alone OS): ให้บริการสําหรับผู้ใช้คนเดียวใช้สําหรับเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลและทํางานทั่วไป มักพบเห็นในไมโครคอมพิวเตอร์เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ PC, โน้ตบุ้ค ส่วนตัว, เน็ตบุ้ค เป็นต้น ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้คือ Windows XP, Windows 7, Mac Os X เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีระบบปฏิบัติการใหม่ คือ Google Chrome OS คือระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดย Google จะเป็นระบบ ปฏิบัติการแบบฟรี ภาพ

 3.2 ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Windows 7 และ Google Chrome OS) 3.2 ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS): ให้บริการผู้ใช้หลายคน (Multi-user) มุ่งเน้นการใช้ สําหรับระบบเครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบในคอมพิวเตอร์ที่นํามาเป็นผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ (Server) เช่น ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ และมินิคอมพิวเตอร์เป็นต้น ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้คือ Linux, Windows Server, Solaris เป็นต้น ภาพ 

3.3 ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Linux) 3.3 ระบบปฏิบัติการแบบฝัง (Embedded OS): พบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก ประเภท โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น เครื่อง PDA, SmartPhone เป็นต้น ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้ คือ Symbian OS, OS X, Android เป็นต้น ภาพ 


บทที่ 2 การทำงานของคอมพิวเตอร์


  • บทที่ 2 การทำงานของคอมพิวเตอร์


  • การทำงานขั้นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ สร้างขึ้นเพื่อใช้แก้ปัญหาต่างๆทั้งในรูปแบบที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ ซึ่งปฎิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรมที่ตั้งไว้สำหรับการทำงานของคอมพิวเตอร์จะมีขึ้นตอนการทำงานพื้นฐาน ๔ ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ ๑ รับข้อมูล (input) เป็นการนำข้อมูลหรือคำสั่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ โดยผ่านอุปกรณ์รับข้อมูลต่างๆเช่น การพิมพ์ข้อความเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้แป้นพิมพ์ การบันทึกเสียงโดยผ่านไมโครโฟน เป็นต้น
ขั้นที่ ๒ ประมวลผลข้อมูล (process) เป็นการนำข้อมูลมาประมวลผลตามชุดคำสั่งหรือโปรแกรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์หรือสารสนเทศ เช่น การนำข้อมูลที่รับเข้ามาหาผลรวม เปรียบเทียบคำนวณเกรดเฉลี่ย เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์สำหรับประมวลที่สำคัญ คือ หน่วยประมวลผลกลาง
ขั้นที่ ๓ จัดเก็บข้อมูล (storage) เป็นการจัดเก็บข้อมูลชั่วคราวในขณะที่มีการประมวลผลแรม รวมถึงจัดเก็บข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสถ์ (hard disk) แฟลชไดร์ฟ (flash drive) เป็นต้น
ขั้นที่ ๔ แสดงผลข้อมูล (output) เป็นการนำผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลมาแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจ กล่าวคือ อยู่ในรูปแบบของข้อความ ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ เสียง โดยผ่านอุปกรณ์แสดงผลต่างๆเช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น
p1
จากขั้นตอนการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ทั้ง ๔ ขั้นตอน จะมีการทำงานประสานกัน โดยเริ่มจากการรับข้อมูลและคำสั่งเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้นข้อมูลและคำสั่งซึ่งอยู่ในรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจจะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจและส่งไปจัดเก็บข้อมูลไว้ชั่วคราว จากนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ประมวลผล ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บชั่วคราวจะถูกส่งไปประมวลผล เป็นผลลัพธ์หรือสารสนเทศ ซึ่งผลลัพธ์หรือสารสนเทศจะถูกส่งไปแสดงผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยผลลัพธ์จากการประมวลผลจะถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่มนุษย์เข้าใจได้ และหากต้องการเก็บผลลัพธ์ไว้ใช้ในภายหลัง ผลลัพธ์จะถูกนำไปจัดเก็บ สำหรับการเรียกใช้ได้อย่างถาวร การทำงานทั้ง ๔ ขั้นตอนดังกล่าว เรียกว่า วงจรการทำงานขั้นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ (IPOS cycle)
ปัจจุบันอุปกรณ์ที่มีการทำงานพื้นฐานทั้ง ๔ ขั้นตอน เรียกว่า คอมพิวเตอร์ ดังนั้น คอมพิวเตอร์ จึงมีรูปร่างอย่างไรก็ได้ ตัวอย่างเช่น การทำงานของเครื่องรับเงินอัตโนมัติ (Automatic Teller Machine : ATM ) ซึ่งเครื่องเอทีเอ็มถือเป็นคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่ง เนื่องจากมีการทำงาน ๔ ขั้นตอน คือ การรับข้อมูลเข้าโดยผู้ใช้ใส่บัตรเอทีเอ็มและป้อนข้อมูลรหัสเอทีเอ็ม จากนั้นผู้ใช้เลือกคำสั่งถอนเงินจะถูกส่งไปประมวลผล คือ การอ่านยอดเงินในบัญชีและการหักเงินที่ถอนในบัญชีธนาคาร จากนั้นเครื่องเอทีเอ็มจะแสดงยอดเงินคงเหลือในบัญชีให้ผู้ใช้ทราบ และสุดท้ายเก็บข้อมูลการถอนและยอดเงินคงเหลือไว้ในบัญชีธนาคาร
p2

  •  เปรียบเทียบการทำงานระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์
   กระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์จะมีหลักเหมือนกับกระบวนการทำงานของมนุษย์ ซึ่งประกอบด้วย 4 หน่วยคือ  หน่วยรับข้อมูล  หน่วยความจำ  หน่วยประมวลผล และหน่วยแสดงผล 
622032894

บทที่ 1 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์


บทที่ 1
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์



คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างเป็นระบบ (System) หมายถึงภายในระบบงานคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยที่มีหน้าที่เฉพาะ ทำงานประสานสัมพันธ์กัน เพื่อให้งานบรรลุตามเป้าหมาย ในระบบงานคอมพิวเตอร์
การที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว จะยังไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหากจะให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ควรจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบคือ บุคลากร (Peoplewareฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software)   ข้อมูล(Data) สารสนเทศ(Information)     และกระบวนการทำงาน ( Procedure )
1.   ฮาร์ดแวร์ Hardware ) ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบของตัวเครื่องที่สามารถจับต้องได้ ได้แก่ วงจรไฟฟ้า ตัวเครื่อง จอภาพ เครื่องพิมพ์ คีร์บอร์ด เป็นต้นซึ่งสามารถแบ่งส่วนพื้นฐานของฮาร์ดแวร์เป็น 4 หน่วยสำคัญ
1.1 หน่วยรับข้อมูลหรืออินพุต Input Unit) ทำหน้าที่รับข้อมูลและโปรแกรมเข้า เครื่อง มีโครงสร้างดังรูป 1.3 ได้แก่ คีย์บอรืดหรือแป้นพิมพ์ เมาส์ เครื่องสแกน เครื่องรูดบัตร Digitizer เป็นต้น
1.2 ระบบประมวลผลกลางหรือซีพียู (CPU : Central Processing Unit) ทำหน้าที่ในการทำงานตามคำสั่งที่ปรากฏอยู่ในโปรแกรม ปัจจุบันซีพียูของเครื่องพีซี รู้จักในนามไมโครโปรเซสเซอร์ ( Micro Processor) หรือ Chip เช่นบริษัท Intel คือ Pentium หรือ Celelon ส่วนของบริษัท AMD คือ K6,K7(Athlonเป็นต้น  ไมโครโปรเซสเซอร์ มีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล ในลักษณะของการคำนวณและเปรียบเทียบ โดยจะทำงานตามจังหวะเวลาที่แน่นอน เรียกว่าสัญญาณ Clock เมื่อมีการเคาะจังหวะหนึ่งครั้ง ก็จะเกิดกิจกรรม ครั้ง เราเรียกหน่วย ที่ใช้ในการวัดความเร็วของซีพียูว่า เฮิร์ท”(Herztหมายถึงการทำงานได้กี่ครั้งในจำนวน วินาที เช่น ซีพียู Pentium4 มีความเร็ว 2.5 GHz หมายถึงทำงานเร็ว 2,500 ล้านครั้ง ในหนึ่งวินาที กรณีที่สัญญาณ Clock เร็วก็จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้น มีความเร็วสูง  และ ซีพียูที่ทำงานเร็วมาก ราคาก็จะแพงขึ้นมากตามไปด้วย
1.3 หน่วยเก็บข้อมูล Storage ) ซึ่งสามารถแยกตามหน้าที่ได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
        1.3.1  หน่วยเก็บข้อมูลหลักหรือความจำหลัก ( Primary Storage หรือ Main Memory ) ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมหรือข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเพื่อเตรียมส่งให้หน่วยประมวลผลกลางทำการประมวลผล และรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเพื่อส่งออกหน่วยแสดงข้อมูลต่อไปซึ่งอาจแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ RAM ( Random Access Memory ) ที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ในขณะที่เปิดเครื่องอยู่ แต่เมื่อปิดเครื่องข้อมูลใน RAM จะหายไป และ ROM ( Read Only Memory ) จะอ่านได้อย่างเดียว เช่น  BIOS (Basic Input Output system)  โปรแกรมฝังไว้ใช้ตอนสตาร์ตเครื่อง  เพื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มต้นทำงาน เป็นต้น
     1.3.2   หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง Secondary Storage ) เป็นหน่วยที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูล หรือโปรแกรมที่จะป้อนเข้าสู่หน่วยความจำหลักภายในเครื่องก่อนทำการประมวลผลโดยซีพียู รวมทั้งเป็นที่เก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลด้วย ปัจจุบันรู้จักในนามฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) หรือแผ่นฟร็อปปีดิสก์ (Floppy Disk) ซึ่งเมื่อปิดเครื่องข้อมูลจะยังคงเก็บอยู่
1.4 หน่วยแสดงข้อมูลหรือเอาต์พุต Output Unit ) ทำหน้าที่ในการแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ได้แก่ จอภาพ และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น ทั้ง 4 ส่วนจะเชื่อมต่อกันด้วยบัส ( Bus )

2 ซอฟต์แวร์ Software )
ซอฟต์แวร์ คือโปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน รวมไปถึงการควบคุมการทำงาน ของอุปกรณ์แวดล้อมต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ดิสก์ไดร์ฟ ซีดีรอม การ์ดอินเตอร์เฟสต่าง ๆ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ แต่รับรู้การทำงานของมันได้ ซึ่งต่างกับ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ที่สามารถจับต้องได้  ซึ่งแบ่งเป็น ประเภทคือ
2.1  ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software ) คือโปรแกรม ที่ใช้ในการควบคุมระบบการ ทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เช่น การบูตเครื่อง การสำเนาข้อมูล การจัดการระบบของดิสก์ ชุดคำสั่งที่เขียนเป็นคำสั่งสำเร็จรูป โดยผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีมาพร้อมแล้วจากโรงงานผลิต การทำงานหรือการประมวลผล ของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ระบบของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ออกแบบมาเพื่อการปฏิบัติควบคุม และมีความสามารถในการยืดหยุ่น การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
2.1.1 โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System) เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุม และติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการจัดการระบบของดิสก์ การบริหารหน่วยความจำของระบบ กล่าวโดยสรุปคือ หากจะทำงานใดงานหนึ่ง โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือ ในการทำงาน แล้วจะต้องติดต่อกับซอฟต์แวร์ระบบก่อน ถ้าขาดซอฟต์แวร์ชนิดนี้ จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถทำงานได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมระบบปฏิบัติการ Unix Linux  DOS และWindows (เวอร์ชั่นต่าง ๆ เช่น 95 98 me 2000 NT XP Vista ) เป็นต้น
                2.1.2  ตัวแปลภาษา (Translator)  จาก Source Code ให้เป็น Object Code (แปลจากภาษาที่มนุษย์เข้าใจ ให้เป็นภาษาที่เครื่องเข้าใจ เปรียบเสมือนล่ามแปลภาษา) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูง ซึ่ง เป็นภาษาใกล้เคียงภาษามนุษย์ ให้เป็นภาษาเครื่องก่อนที่จะนำไปประมวลผล ตัวแปลภาษาแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเตอร์พีทเตอร์ (Interpeterคอมไพเลอร์จะแปลคำสั่งในโปรแกรมทั้งหมดก่อน แล้วทำการลิ้ง (Link) เพื่อให้ได้คำสั่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจ ส่วนอินเตอร์พีทเตอร์จะแปลทีละประโยคคำสั่ง แล้วทำงานตามประโยคคำสั่งนั้น การจะเลือกใช้ตัวแปลภาษาแบบใดนั้น จะขึ้นอยู่กับภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม ซึ่งมี แบบได้แก่ ภาษาแบบโครงสร้าง   เช่น ภาษาเบสิก (Basic) ภาษาปาสคาล (Pascal) ภาษาซี (C) ภาษาจาวา(Java)ภาษาโคบอล (Cobol) ภาษา SQL ภาษา HTML เป็นต้น  ภาษาแบบเชิงวัตถุ ( Visual หรือ Object Oriented Programming ) เช่น Visual Basic,Visual C หรือ Delphi เป็นต้น
2.1.3  ยูติลิตี้ โปรแกรม (Utility Program) คือซอฟต์แวร์เสริมช่วยให้เครื่องทำงานมีประสิทธิภาพ มากขึ้น เช่น ช่วยในการตรวจสอบดิสก์ ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลในดิสก์ ช่วยสำเนาข้อมูล ช่วยซ่อมอาการชำรุดของดิสก์ ช่วยค้นหาและกำจัดไวรัส ฯลฯ เป็นต้นโปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก่ โปรแกรม Norton Winzip Scan virus Sidekick Scandisk Screen Saver ฯลฯ เป็นต้น
2.1.4  ติดตั้งและปรับปรุงระบบ (Diagonostic Program) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการติดตั้งระบบ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อและใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่นำมาติดตั้งระบบ ได้แก่ โปรแกรม Setupและ Driver ต่าง ๆ เช่น โปรแกรม Setup Microsoft Office โปรแกรม Driver Sound ,  Driver Printer , Driver Scanner ฯลฯ เป็นต้น
2.2  ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)
คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะด้านเอกสาร บัญชี การจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น ซอฟต์แวร์ประยุกต์สามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
            2.2.1 ซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะด้าน (Special Purpose Software)  คือ โปรแกรมซึ่งเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ บางที่เรียกว่า User’s Program เช่น โปรแกรมการทำบัญชีจ่ายเงินเดือน โปรแกรมระบบเช่าซื้อ โปรแกรมการทำสินค้าคงคลัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มักจะมีเงื่อนไข หรือแบบฟอร์มแตกต่างกันออกไปตามความต้องการ หรือกฏเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซึ่งสามารถดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่เขียนขึ้นนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้ภาษาระดับสูงเป็นตัวพัฒนา
            2.2.2 ซอฟต์แวร์สำหรับงานทั่วไป (General Purpose Software) เป็นโปรแกรมประยุกต์ที่มีผู้จัดทำไว้ เพื่อใช้ในการทำงานประเภทต่างๆ ทั่วไป โดยผู้ใช้คนอื่นๆ สามารถนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้กับข้อมูลของตนได้ แต่จะไม่สามารถทำการดัดแปลง หรือแก้ไขโปรแกรมได้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม นอกจากนี้ ยังไม่ต้องเวลามากในการฝึกและปฏิบัติ ซึ่งโปรแกรมสำเร็จรูปนี้ มักจะมีการใช้งานในหน่วยงาน ซึ่งขาดบุคลากรที่มีความชำนาญเป็นพิเศษในการเขียนโปรแกรม ดังนั้น การใช้โปรแกรมสำเร็จรูปจึงเป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ตัวอย่างโปรแกรมสำเร็จรูปที่นิยมใช้ได้แก่ MS-Office, Lotus, Adobe Photoshop, SPSS, Internet Explorer และ เกมส์ต่างๆ เป็นต้น


3 บุคลากร Peopleware )
                บุคลากรจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดถึงประสิทธิภาพถึงความสำเร็จและความคุ้มค่าในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถแบ่งบุคลากรตามหน้าที่เกี่ยวข้องตามลักษณะงานได้ 6 ด้าน ดังนี้
3.1  นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (Systems Analyst and Designer  :  SA ) ทำหน้าที่ศึกษาและรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ระบบ และทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้ระบบและนักเขียนโปรแกรม (Programmer) หรือปรับปรุงคุณภาพงานเดิม  นักวิเคราะห์ระบบต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ พื้นฐานการเขียนโปรแกรม และควรจะเป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
3.2  โปรแกรมเมอร์ ( Programmer ) คือบุคคลที่ทำหน้าที่เขียนซอฟต์แวร์ต่างๆ(Software )หรือเขียนโปรแกรมเพื่อสั่งงานให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยเขียนตามแผนผังที่นักวิเคราะห์ระบบได้เขียนไว้
3.3  ผู้ใช้ ( User ) เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ปฏิบัติหรือกำหนดความต้องการในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ว่าทำงานอะไรได้บ้าง     ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป จะต้องเรียนรู้วิธีการใช้เครื่อง และวิธีการใช้งานโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมที่มีอยู่สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ
3.4  ผู้ปฏิบัติการ (Operator ) สำหรับระบบขนาดใหญ่  เช่น เมนเฟรม  จะต้องมีเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ที่คอยปิดและเปิดเครื่อง  และเฝ้าดูจอภาพเมื่อมีปัญหาซึ่งอาจเกิดขัดข้อง  จะต้องแจ้ง System  Programmer  ซึ่งเป็นผู้ดูแลตรวจสอบแก้ไขโปรแกรมระบบควบคุมเครื่อง (System  Software) อีกทีหนึ่ง 
3.5  ผู้บริหารฐานข้อมูล ( Database Administrator : DBA ) กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลข้อมูลผ่านระบบจัดการฐานข้อมูล ซึ่งจะควบคุมให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่กำหนดสิทธิการใช้งานข้อมูล กำหนดในเรื่องความปลอดภัยของการใช้งาน   พร้อมทั้งดูแลดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ (Database Server) ให้ทำงานอย่างปกติด้วย
3.6  ผู้จัดการระบบ (System Manager) คือ ผู้วางนโยบายการใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงาน  เป็นผู้ที่มีความหมายต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งานเป็นอย่างมาก

4.  ข้อมูลและสารสนเทศ
 4.1 ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วใช้ตัวเลขตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ ต่างๆ ทำความหมายแทนสิ่งเหล่านั้น เช่น
·         คะแนนสอบวิชาภาษาไทยของนักเรียน
·         อายุของพนักงานในบริษัทชินวัตรจำกัด
·         ราคาขายของหนังสือในร้านหนังสือดอกหญ้า
·         คำตอบที่ผู้ถูกสำรวจตอบในแบบสอบถาม
4.2 สารสนเทศ (Information) หมายถึง ข้อสรุปต่างๆ ที่ได้จากการนำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ หรือผ่านวิธีการที่ ได้กำหนดขึ้น ทั้งนี้เพื่อนำข้อสรุปไปใช้งานหรืออ้างอิง เช่น
·         เกรดเฉลี่ยของวิชาภาษาไทยของนักเรียน
·         อายุเฉลี่ยของพนักงานในบริษัทชินวัตรจำกัด
·         ราคาขายสูงสุดของหนังสือในร้านหนังสือดอกหญ้า
·         ข้อสรุปจากการสำรวจคำตอบในแบบสอบถาม
5.  กระบวนการทำงาน Procedure )
องค์ประกอบด้านนี้หมายถึงกระบวนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์ผู้ใช้จำเป็นต้องทราบขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้งานที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจจะมีขั้นตอนสลับซับซ้อนหลายขั้นตอน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีคู่มือปฏิบัติงาน เช่น คู่มือผู้ใช้ ( user manual ) หรือคู่มือผู้ดูแลระบบ ( operation manual ) เป็นต้น

คำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม

คำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม สำหรับบทนี้จะอธิบายถึงคำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม ซึ่งแบ่งกลุ่มตามลักษณะการทำงานตามข้อกำหนดมาตรฐานของสถ...